โครงการวิจัยการพัฒนาลูกอมสมุนไพรไทยพื้นบ้าน:ลดการอักเสษและดับกลิ่นปาก
เกศรินทร์ เพ็ชรรัตน์, นพพร สกุลยืนยงสุข, ดวงกมล ตั้งสถิตพร และดวงรัตน์ แซ่ตั้ง
งบประมาณ ปี 2555 จำนวน….73,000…บาท
ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคและจากการสำรวจตลาดและห้างสรรพสินค้าทำให้ทราบข้อมูลและนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาลูกอมสมุนไพรไทยพื้นบ้าน นำข้อมูลที่ได้รับมาศึกษาปริมาณที่เหมาะสมในการทำผลิตภัณฑ์ลูกอมสมุนไพร พบว่า ลูกอมชนิดแข็งแบบผสมเนื้อผลไม้(เนื้อบ๊วย) ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบสูตร น้ำชะเอมเทศ และกานพลู 20:10 กรัม มากที่สุด ,ลูกอมชนิดแข็งแบบสอดไส้(สอดไส้ซอสมะนาว) ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบสูตรน้ำเก็กฮวย และขิง 20:15 กรัม มากที่สุด และลูกอมชนิดแข็งแบบม้วน ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบสูตรน้ำใบฝรั่ง และมะตูม 60:40 กรัม มากที่สุด ซึ่งในแต่ละสูตรที่ผู้ทดสอบเลือกนั้นมีคุณลักษณะที่ดีเนื้อละเอียด เนียนคงรูป ไม่เยิ้ม เนื้อค่อนข้างแข็ง มีกลิ่น รสชาติสมุนไพรไม่มีกลิ่นฉุน จากนั้นนำไปทดสอบคุณภาพทางกาย พบว่าลูกอมชนิดแข็งแบบผสมเนื้อผลไม้(เนื้อบ๊วย) : น้ำชะเอมเทศ และกานพลู สูตร 20:10 กรัม มีสีน้ำตาลเข้มค่อนข้างคล้ำ, ลูกอมชนิดแข็งแบบสอดไส้(สอดไส้ซอสมะนาว) : น้ำเก็กฮวย และขิง สูตร 20:15 กรัม มีสีออกเหลืองใสมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับลูกอมชนิดแรกที่ได้กล่าวไป , ลูกอมชนิดแข็งแบบม้วน : น้ำใบฝรั่ง และมะตูม สูตร 60:40 กรัม สีเขียวจากใบฝรั่งและสีเหลืองน้ำตาลจากมะตูม คุณภาพทางจุลินทรีย์ พบว่า จากการศึกษาอายุการเก็บรักษา เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ลูกอมสมุนไพร มีความปลอดภัยในการบริโภค ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ลูกกวาดและทอฟฟี่ (มผช. 265/2547) และการศึกษาการยอมรับของผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโภคมีความพอใจในลูกอมสมุนไพรไทยพื้นบ้าน : ลดการอักเสบและดับกลิ่นปากระดับความชอบปานกลาง นำไปใช้ในการเรียนการสอนวิชาเทคโนโยลรขนมหวาน และเผยแพร่สาธารณะสู่ web page ของสาขาวิทยาศสสตร์การอาหารและโภชนาการ